วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทฤษฎีเศษเหลือ

รายวิชา คณิตศาสตร์  ค 40201 โปรแกรมเสริม ศูนย์คณิต วิทย์ ม.4/1,ม.4/2


สมการพหุนาม


การแก้สมการตัวแปรเดียว

            ในระดับชั้นมัธยมศึกษาเราได้เรียนรู้การแก้สมการกำลังสองที่อยู่ในรูป ax2+bx + c  =  0  เมื่อ  a ,b ,c  เป็นค่าคงตัว  และ  a ¹ 0  กันมาแล้ว  ซึ่งอาจมีบางสมการที่มีกำลังดีกรีมากกว่าสอง  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  ในระดับนั้นเราก็แก้สมการโดยใช้การแยกตัวประกอบหรือไม่ก็อาจทำให้อยู่ในรูปกำลังสองสมบูรณ์  ซึ่งก็จะสามารถหาคำตอบได้  ในระดับนี้จะกล่าวถึงการแก้สมการที่มีกำลังหรือดีกรีมากกว่าสอง  โดยอาศัยทฤษฎีบทเศษเหลือ  แต่ก่อนจะกล่าวถึงเศษเหลือที่ได้จากการใช้ทฤษฎีบทนั้นจะขอกล่าวถึงเศษเหลือที่ได้จากการหารโดยวิธีพื้นฐานก่อน
ตัวอย่าง  1   จงหาเศษจากการหาร  (3x2 + x-7)  + (x – 1)
วิธีทำ                          
                                             3x2    -  3x
                                                            4x  -  7
                                                            4x  -  3
-  3    เศษ  - 3
            ตอบ  เศษ  (จากการหาร)  =  -3
********************************************************************************
ตัวอย่าง  2  จงหาเศษจากการหาร  (3x3 + 4x2-7x + 5) ¸(x + 1)

วิธีทำ

                                   
                                             3x3    +  3x2
                                                            x2  -  7x
                                                            x2  +  x
-8x + 5
                                                                 - 8x - 8
                                                                        13
            ตอบ เศษ  (จากการหาร)  =  13
********************************************************************************

รายวิชา คณิตศาสตร์  ค 40201 โปรแกรมเสริม ศูนย์คณิต วิทย์ ม.4/1,ม.4/2



ทฤษฎีบทเศษเหลือ  (remainder  theorem)
เมื่อ  P (X)  คือพหุนาม  anxn + an-1xn-1 + …+ a1x+a0  โดยที่  n  เป็นจำนวนเต็มบวก
 an,an-1 ,…,a1 , a0  เป็นจำนวนจริง  ซึ่ง  an ¹ 0  ถ้าหารพหุนาม  P (X)  ด้วย  พหุนาม  x-c 
เมื่อ  c  เป็นจำนวนจริงแล้วเศษจะเท่ากับ  P (C )

ตัวอย่าง  3  จงหาเศษเมื่อหาร  2x2 – 4x + 8  ด้วย  x – 2
วิธีทำ   ให้  P (X)  =  2x2 – 4x + 8
            โดยทฤษฎีเศษเหลือ  เมื่อหาร  2x2 – 4x + 8  ด้วย  x – 2  จะได้เศษคือ  P (2)
                  P (2)  =  2 (2)2 – 4 (2) + 8
                            =  8
                        ตอบ  ดังนั้นเศษคือ  8
*****************************************************************************************
ตัวอย่าง  4  จงหาเศษเมื่อหาร  3x2 + x - 7  ด้วย  x – 1
วิธีทำ   ให้ P (X)  =  3x2 + x- 7
            โดยทฤษฎีบทเศษเหลือ  เมื่อหาร  3x2 + x - 7  ด้วย  x – 1  จะได้เศษคือ  P (1)
                P (1)  =  3 (1)2 + (1) – 7
                          =  3 + 1 – 7
                          =  -3
                    ตอบ     ดังนั้นเศษคือ  - 3
******************************************************************************************
ตัวอย่าง  5  จงหาเศษเมื่อหาร  3x3 + 4x2 – 7x + 5  ด้วย  x + 1
วิธีทำ   ให้ P (X)  =  3x3 + 4x2- 7x + 5
            โดยทฤษฎีบทเศษเหลือ  เมื่อหาร  3x3 + 4x2 – 7x + 5    ด้วย  x + 1  จะได้เศษเหลือ  P(-1)
                 P (-1)  =  3 (-1)3 + 4 (-1)2 – 7 (-1) + 5
                            =  13
                        ตอบ    ดังนั้นเศษคือ  13



รายวิชา คณิตศาสตร์  ค 40201 โปรแกรมเสริม ศูนย์คณิต วิทย์ ม.4/1,ม.4/2

ตัวอย่าง  6  จงหาเศษเมื่อหาร    (x3 – 5x2 – 3x + 15)  ด้วย  (x + 2)
วิธีทำ   โดยทฤษฎีบทเศษเหลือ  x – c  =  x + 2  =  x – (-2)
                 c     =  -2
            P (-2)   =  (-2)3 – 5 (-2)2 – 3 (-2) + 15
                        =  - 7
                        ตอบ   ดังนั้นเศษคือ  - 7
*******************************************************************************
ตัวอย่าง  7  จงหาเศษเมื่อหาร   (x9 + a9)  ด้วย  (x + a)
วิธีทำ   P (-a)  =  (-a)9 + a9
                       =  -a9 + a9
                       =   0
                    ตอบ   ดังนั้นเศษคือ  0
*******************************************************************************
ตัวอย่าง  8  จงหาเศษเมื่อหาร  3x3 + 5x2 – 6x + 18  ด้วย  x + 3
วิธีทำ   ให้  P (X)  =  3x3 + 5x2 – 6x + 18
            เพราะตัวหารคือ  x + 3  =  x – (-3)  ได้  C  =  -3  =  x – (-3)  ได้  c  =  -3
            โดยทฤษฎีบทเศษเหลือ
            เมื่อหาร  3x3 + 5x2 – 6x + 18  ด้วย  x + 3  จะได้เศษคือ  P (-3)
            P (-3)  =  3 (-3)3 + 5 (-3)2 – 6 (-3)  + 18
                       =  0
                        ตอบ    ดังนั้นเศษคือ  0
            เราพบว่า  x + 2  เป็นตัวประกอบตัวหนึ่งของ  3x3 + 5x2 – 6x + 18
 เพราะเศษจากการหารคือ  0  ซึ่งเราสามารถที่จะหาตัวประกอบตัวอื่น ๆ  ได้อีก โดยการใช้ทฤษฎีบทที่จะกล่าวต่อไปนี้

ทฤษฎีบทตัวประกอบ  (factor  theorem)
เมื่อ  P (X)  คือพหุนาม  anxn + an-1xn-1 + …+ a1x+a0  โดยที่    n  เป็นจำนวนเต็มบวก
 an,an-1 ,…,a1 , a0  เป็นจำนวนจริง  ซึ่ง  an ¹ 0  พหุนาม  P (X)  นี้จะมี  x-c  เป็นตัวประกอบ
ก็ต่อเมื่อ  P   (C )   =  0

รายวิชา คณิตศาสตร์  ค 40201 โปรแกรมเสริม ศูนย์คณิต วิทย์ ม.4/1,ม.4/2

ตัวอย่าง  9  จงแสดงว่า  x – 2  เป็นตัวประกอบของ  2x3 – 3x2 + x – 6
วิธีทำ   ให้  P (X)      =  2x3 – 3x2 + x – 6
            จะได้  P (2)  =  2 (2)3  +  3 (2)2 (2)  – 6
                                 =  2 (8) – 3 (4) + 2 – 6
                                 =  0
ตอบ   ดังนั้น  x – 2  เป็นตัวประกอบของ  2x3– 3x2 + x – 6
*******************************************************************************
ตัวอย่าง  10  จงแสดงว่า  x – 1  เป็นตัวประกอบของ  x3 – 7x + 6
วิธีทำ   ให้ P (X)       =  x3 – 7x + 6
            จะได้  P (1)  =   (1)3 - 7 (1) + 6
                                 =  0
            ดังนั้น  x – 1  เป็นตัวประกอบของ x3 – 7x + 6
            นั่นคือ  x3 – 7x + 6   =  (x – 1) A
            นำ  x- 1  ไปหาร  x3 – 7x + 6  จะได้  x2 –3x + 2
            แสดงว่า x3 – 7x + 6  =  (x – 1) (x2 – 3x + 2)
                                             =  (x – 1) (x – 2) (x +3)
                        ตอบ    ดังนั้น x3 – 7x + 6     =  (x – 1) (x – 2) (x - 3)
ตัวอย่าง  11  จงหาสมการ  P (X)  เมื่อคำตอบของสมการคือ   -1, -2 , -3
วิธีทำ   โดยทฤษฎีบทเศษเหลือ  จะได้
                 x + 1, x + 2 , x + 3  เป็นตัวประกอบของ  P (X)
            ดังนั้น  P (X)  =  (x + 1) (x + 2) (x +3)
                                  =  (x2 + 3x + 2) (x +3)
                                  =  x3 + 6x2 + 11x + 6  =  0
*******************************************************************************
            เราแยกตัวประกอบของพหุนามโดยอาศัยทฤษฎีเศษเหลือและทฤษฎีบทตัวประกอบ  ซึ่งทฤษฎีบทเหล่านี้ใช้ในกรณีที่สัมประสิทธิ์ของพหุนามเป็นจำนวนจริงใด ๆ ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงสัมประสิทธิ์ของพหุนามที่เป็นจำนวนเต็มเท่านั้น  โดยแยกพิจารณาเป็น  2  กรณีคือ  เมื่อ  an  = 1
กับ  เมื่อ  an ¹ 1
            ถ้า  x – c  เป็นตัวประกอบของพหุนาม  P (X)  =  xn +an-1 xn-1 + … + a1x+a0  โดยที่  c  และสัมประสิทธิ์ของพหุนามนี้เป็นจำนวนเต็ม  แล้วจะได้ว่า  c  เป็นตัวประกอบของ  a0

รายวิชา คณิตศาสตร์  ค 40201 โปรแกรมเสริม ศูนย์คณิต วิทย์ ม.4/1,ม.4/2

 ดังนั้นในการหา  c  จึงพิจารณาจากตัวประกอบที่เป็นจำนวนเต็มของ  a0  นั่นคือเมื่อ  an  = 1  เราแยกตัวประกอบของพหุนาม  P (X)  โดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือดังนี้
1.      หาตัวประกอบ  c  ของ  a0  ที่ทำให้  P (C)  =  0
2.      นำ  x – c ที่หาได้ ไปหาร P(X) ผลหารที่ได้รับจะเป็นพหุนามที่มีดีกรีลดจาก P(X)  อยู่  1 
3.   ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ  โดยใช้ขั้นข้อ  1 และข้อ  2  จนกว่าดีกรีที่เหลือเป็นสอง ซึ่งสามารถใช้วิธีการแยกตัวประกอบเบื้องต้นได้
ตัวอย่าง  12     จงแยกตัวประกอบ   x3 + 3x2 + x - 2
วิธีทำ               ให้  p (X)   =   x3 + 3x2 + x - 2
                        จำนวนเต็มที่หาร  -2  ลงตัวคือ + 1 , + 2
                        พิจารณา  p(-2)
                                        p(-2)   =   (-2)3 + 3 (-2)2 + (2) –2
                                                   =    -8 + 12 – 2 –2 
                                                   =   0
                        ดังนั้น   x + 2 เป็นตัวประกอบ  x3 + 3x2 + x - 2
                        นำ  x + 2  ไปหาร  x3 + 3x2 + x – 2  ได้ผลหาร  x2 + x – 1
                        ดังนั้น  x3 + 3x2 + x – 2  =  (x + 2) (x2 + x – 1 )
                        ต่อไปแยกตัวประกอบของ  x2 + x – 1 (ให้ผู้เรียนลองทำต่อไปเอง)
******************************************************************************
ตัวอย่าง  13  จงแยกตัวประกอบของ  x4 – x3 – 2x2 – 4x – 24
วิธีทำ   ให้  P (X)  = x4 – x3 – 2x2 – 4x – 24
            เนื่องจากจำนวนเต็มที่หาร  - 24  ลงตัวคือ  + 1 , + 3, + 4 , + 6 , + 8 , + 12 , + 24
            แต่เพราะ  p (1) , p (-1) , p (2)  ไม่เท่ากับศูนย์
            P (-2)  =   (-2)4  - (-2)3 –2 (-2)2 –4 (-2) – 24 = 0
            ดังนั้น   x + 2   เป็นตัวประกอบของ  x4- x3 -2 x2 – 4x –24
            นำ  x + 2 ไปหาร  x4  - x3 –2x2  -4x –24 ได้ผลหารเป็น  x3 – 3x2 + 4x –12
            ดังนั้น  x4 – x3 –2x2 –4x –24    =          (x + 2) (x3 – 3x2 + 4x -12)
                                                            =          (x + 2)[(x3 – 3x2)+4(x - 3)]
                                                            =          (x + 2)[x2(x - 3)+4(x - 3)]
                                                            =          (x + 2)(x - 3)(x2 + 4)

รายวิชา คณิตศาสตร์  ค 40201 โปรแกรมเสริม ศูนย์คณิต วิทย์ ม.4/1,ม.4/2

            เมื่อ  an ¹ 1  เราแยกตัวประกอบได้โดยอาศัยทฤษฎีบทต่อไปนี้

ทฤษฎีบทตัวประกอบจำนวนตรรกยะ

            ให้  p(X)  คือพหุนามอยู่ในรูป  an xn + an-1xn-1 +…+a1x+a0  โดยที่  n  เป็นจำนวนเต็มบวกและ  an ,an-1,…,a1,a0  เป็นจำนวนเต็ม  ซึ่ง  an¹ 0
            ถ้า  x -  เป็นตัวประกอบของพหุนาม p (X) โดยที่  m และ k เป็นจำนวนเต็มซึ่ง m ¹0 
...  ของ m และ k เท่ากับ 1  แล้ว
            m   จะเป็นตัวประกอบของ  an
            k     จะเป็นตัวประกอบของ  a0
ตัวอย่าง  14    จงแยกตัวประกอบของ  3x3 + x2 + 2x + 6
วิธีทำ   ให้  p (X)   =    3x3 + x2 + 2x + 6
            เนื่องจากจำนวนเต็มที่หาร  +6  ลงตัวคือ  + 1, +2 , +3 , +6 (แทน k)
            และจำนวนเต็มที่หาร  3  ลงตัวคือ  + 1 , +3 (แทน m)
            ดังนั้น  จำนวนตรรกยะ    ที่ทำให้  p( )  =  0  จะเป็นจำนวนที่อยู่ในกลุ่มต่อไปนี้
            คือ  +1 , +2 , +3 , +6 , +  , +   [จำนวนนี้ได้จากจำนวนที่เป็นตัวประกอบของ  6  หารด้วยจำนวนที่เป็นตัวประกอบของ  3  โดย  ... ของตัวตั้งและตัวหารเท่ากับ  1  นั่นคือ  (k , m) = 1
            พิจารณา  p(-1)
            p(-1)    =          3(-1)3 + (-1)2 +2 (-1) + 6
                        =          -3 + 1 –2 +6
                        =          2  ¹  0
            แสดงว่า  x + 1 ไม่เป็นตัวประกอบของ  p(X)
            พิจารณา  p(-2)
            p(-2)    =          3(-2)3 + (-2)2 + 2 (-2) +6
                        =          - 24  + 4 –4 +6
                        =          - 18  ¹ 0
            แสดงว่า  x + 2 ไม่เป็นตัวประกอบของ  p(X)
            พิจารณา p ( -3)
            p (-3)   =          3(-3)3 + (-3)2 + 2 (-3) + 6
                        =          - 81 + 9 – 6 + 6 ¹ 0
            แสดงว่า  x + 3 ไม่เป็นตัวประกอบของ  p ( X)

รายวิชา คณิตศาสตร์  ค 40201 โปรแกรมเสริม ศูนย์คณิต วิทย์ ม.4/1,ม.4/2

            พิจารณา p (-6)
            p (-6)   =          3 (-6)3 + ( - 6)2 + 2 (-6) + 6
                        ¹         0
            แสดงว่า  x + 6  ไม่เป็นตัวประกอบของ  p (X)
            สำหรับการพิจารณาต่อไป  ให้ผู้เรียนพิจารณาเอง
*******************************************************************************
ตัวอย่าง  15  จงแยกตัวประกอบ  3x3 +  10x2 – 16x -32
 วิธีทำ  ให้  p(X)    =    3x3 +  10x2 – 16x -32
            เนื่องจากจำนวนเต็มที่หาร  -32  ลงตัวคือ  + 1 , +2 , +4 , +8 , +16 (แทน k )
            และจำนวนเต็มที่หาร  +3  ลงตัวคือ  +1 , +3  (แทน m)
            ดังนั้น  จำนวนตรรกยะ   ที่ทำให้  p( )  =  0  จะเป็นจำนวนที่อยู่ในกลุ่มต่อไปนี้
            คือ  +1 , +2 , +4 , +8 , +16 , + , + ,  +  , +  , +
            พิจารณา  p (- )
            p(- ) =  3(- )3 + 10(- )2  - 16 (- )  -32
                        นั่นคือ  x +   เป็นตัวประกอบของ  p(X)
            นำ  x +  ไปหาร  p (X) จะได้ผลหารเป็น  3x2 + 6x –24
            นั่นคือ  3x3 + 10x2 – 16x –32 =          (x + )(3x2 + 6x –24 )
                                                            =          (x + )(3) (x2 + 2x -8)
                                                            =          (x + )(x + 4)(x – 2)